คำอธิบาย
เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า “วาริเซลลาซอสเตอร์ (วี-แซด) ไวรัส” ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ครั้งแรกจะแสดงอาการของไข้สุกใส (ซึ่งมักเกิดขึ้นในวัยเด็ก) ส่วนน้อยอาจไม่มีอาการแสดงให้ปรากฏ ดังนั้นผู้ป่วยจึงมักมีประวัติเคยเป็นไข้สุกใสมาก่อน หลังหายจากไข้สุกใสแล้วเชื้อจะหลบซ่อน และแฝงตัวอยู่บริเวณปมประสาทใต้ผิวหนังซึ่งอาจนานหลายปี โดยไม่มีอาการผิดปกติใดๆ
เมื่อร่างกายมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ช่วงมีความเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ โรคเอดส์ หรือ โรคมะเร็งที่ได้รับยากดภูมิต้านทาน เชื้อที่แฝงตัวอยู่นั้นก็จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวน และกระจายในปมประสาท ทำให้เส้นประสาทอักเสบ (เกิดอาการปวดตามแนวเส้นประสาท) เชื้อจะกระจายไปตามเส้นประสาทที่อักเสบ และปล่อยเชื้อไวรัสออกมาที่ผิวหนัง เกิดเป็นตุ่มใส เรียงเป็นแนวยาวตามแนวเส้นประสาท คล้ายกับรูปร่างของงู จึงเรียกว่า โรคงูสวัด
ในคนที่ภูมิคุ้มกันปกติ การสัมผัสหรือใกล้ชิดอาจไม่ได้ทำให้ติดโรคงูสวัดเนื่องจากการติดเชื้อไวรัสจากผู้ป่วยงูสวัดนั้นเกิดยากเพราะ งูสวัดจะแพร่เชื้อในระยะที่ตุ่มน้ำแตก หรือสัมผัสสารคัดหลั่งจากตุ่มน้ำโดยตรง จึงสามารถที่จะสัมผัส ใกล้ชิด กินข้าวร่วมกับผู้ป่วยได้ตามปกติยกเว้นคนที่ยังไม่เคยเป็นโรคสุกใสมาก่อน หากสัมผัสคนที่เป็นงูสวัดก็จะได้รับเชื้อและเป็นไข้สุกใสได้ แต่ควรระวัง ไม่อยู่ใกล้ คลุกคลีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ ในระหว่างป่วย
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคงูสวัด
- เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ขึ้นไป
- มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง
- มีความเครียดหรืออดนอน
- ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
วันนี้ – 31 ธันวาคม 2567
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์